[SF] Halloween bride :: Hanta::
ผู้เข้าชมรวม
611
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
สิ้นแสงแห่งดวงดารา
ในคราที่ราตรีมืดมิด
ต้องดับสิ้นทุกหนึ่งชีวิต
ทุกดวงจิตเฝ้าโศกา
ครืนนนนน ~
ดวงตากลมโตปิดรับสัมผัสจากภายนอกที่กัดกร่อนจิตใจอันเข้มแข็งของเขาให้หลงเหลือไว้เพียงแต่ความหวาดกลัว นิ้วเรียวระหงส์กอบกุมอยู่กับหนึ่งมือที่แห้งเหี่ยวราวกับกิ่งของต้นสน บทสวดภาวนายังคงดังกึกก้องอยู่ในใจ ลืมตาขึ้นมองเมื่อเสียงฟ้าร้องด้านนอกสงบลง ชายชราที่นอนราบอยู่เบื้องหน้าทำให้เขาอยากจะหลับตาลงอีกครั้ง
ทำไมราตรีนี้ถึงเลือกบิดาของเขา ...
“ ยูทา ถึงเวลาของพ่อแล้ว ”
“ พ่อครับ มันไม่ใช่ มันไม่ใช่พ่อ”
เด็กหนุ่มร้องออกมาอย่างน่าเวทนาหากแต่หยดน้ำตากลับร่วงรินลงมาจากดวงตาเพียงข้างเดียว ยกมือเรียวขึ้นไปเช็ดหยาดน้ำตาหากแต่ผืนผ้าสีดำสนิทที่พาดทับดวงตาอีกข้างต้องทำให้เด็กหนุ่มชะงักงัน ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็ไม่คุ้นชินกับมัน แต่นั่นมันคือสิ่งที่ “พ่อ” บอกว่ามันคือสิ่งเดียวที่สามารถรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ได้
“ ยูทา เอามือลงมาซิ ”
เอ่ยพูดกับเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์ ไม่ต้องรั้งรอให้ผู้เป็นพ่อร้องขอเป็นครั้งที่สอง มือเรียวผละออกมาจากใบหน้าตนก่อนจะถูกแทนที่ด้วยฝ่ามือแห้งเหี่ยวของผู้เป็นพ่อ เลื่อนไล้ฝ่ามือหยาบกร้านตามกาลเวลาเข้าไปในแผ่นผ้าผืนเล็กก่อนจะดึงมันออกอย่างเบามือ ดวงตากลมโตอีกข้างถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากสิ่งที่พันธนาการมันมาตลอดยี่สิบปี
โลกที่กว้างขึ้น สิ่งของที่ดูใหญ่โตกว่าปรกติ ทุกอย่างมันมองดูชัดเจนเสียจนเขารู้สึกกลัว …
“ พ่อครับ ทำไม ... ”
“ ก่อนรุ่งสร่างลูกต้องเดินทางออกจากเมืองนี้ เดินไปทางทิศตะวันตก 3 ไมล์ ลูกจะเจอรถม้าจอดอยู่ ป้าเบตตี้รอลูกอยู่ที่นั่น “
“ พ่อครับ ผมไม่เข้าใจ ทำไมผมต้องไปจากเมืองนี้ด้วย ”
เด็กหนุ่มร่ำไห้ออกมาอย่างน่าสงสารกับชีวิตที่กำลังจะไร้ซึ่งบิดาที่ปกครองตัวเขากับชาวเมืองในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ บิดาของเขาเป็นผู้นำหมู่บ้านตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมาชาวบ้านล้วนให้ความนับถือยำเกรงชายสูงวัยผู้นี้ราวกับเป็นราชา แต่ในวันนี้ ...
ในวันที่สิ่งเปรียบเสมือนความลับของเขาถูกเปิดผลึกออก ...
เขากลับอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้
“ ป้าเบตตี้กับลูกชายจะดูแลลูกเป็นอย่างดี ”
“ พ่อครับนั่นมันไม่ใช่เหตุผลที่ผมต้องการ ”
ร้องท้วงบิดาที่กำลังถูกเสียงคำรามจากเบื้องบนกลืนกินลมหายใจเข้าไปช้า ๆ นัยต์ตาเหี่ยวย่นปิดพับลงอย่างไร้ซึ่งแรงเหนี่ยวรั้ง อุณหภูมิร่างกายเริ่มลดต่ำลง ทุกอย่างกำลังบอกเขาว่าชายผู้นี้กำลังจะจากเขาไป ตลอดกาล
“ เชื่อพ่อยูทา พ่อรักลูก ลาก่อนลูกรัก”
ครืนนนนนน
เสียงสายฟ้าฟาดลงมาดังสนั่นราวกับกระชากจิตวิญญาณของมนุษย์ผู้โชคร้ายให้กลับคืนสู่ที่ ที่จากมา เสียงหวานหวีดร้องแทบขาดใจกับการสูญเสียที่เขาไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วถึงเพียงนี้ ดวงตาคู่สวยฉ่ำชื้นด้วยหยดน้ำตาหันมองไปยังหน้าต่างที่ฉายภาพสวรรค์ผู้โหดร้ายที่พรากบิดาไปจากตน คิดจะก่นด่า รวมถึงถามไถ่ถึงเหตุผลจากการจากไปของชายแก่ผู้น่าสงสาร หากเเต่แสงสีทองที่เริ่มซึมแทรกขึ้นมาจากเส้นตัดของหุบเขาไม่อาจจะทำให้เด็กหนุ่มต้องสูญเสียเวลาที่หลงเหลือเพียงน้อยนิดของตนไปกับอะไรที่ถึงยังไงเขาก็คงไม่ได้สิ่งที่ต้องการกลับคืนมา จุมพิตลงบนหน้าผากเหี่ยวย่นของผู้ล่วงลับด้วยจิตใจที่นึกอาวรณ์ก่อนจะรีบยึดตัวขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว สาวเท้าไปหยิบเสื้อคลุมสีดำสนิทขึ้นมาสวมใส่พร้อมกับหยิบจับของที่จำเป็นใส่ลงไปในถุงผ้าราคาถูกเพื่อไม่ให้เป็นที่ต้องตาของกลุ่มโจรที่อาจจะรอซุ่มอยู่ตรงตีนเขาลูกใดลูกหนึ่ง เหลือบมองผู้เป็นดั่งชีวิตอีกครา ก่อนจะหันหน้ากลับมา ภาพเด็กหนุ่มหน้าตาเกลี้ยงเกลาที่ปรากฏอยู่ในบานกระจกราคาแพงที่เผลอสบเจอไม่อาจจะทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นอยู่ในระดับปรกติได้อีกต่อไป ใบหน้าของเขายังคงสวยงามเช่นเดิม หากแต่ดวงตาที่ควรจะเป็นสีดำสนิททั้งสองข้างกลับมีข้างหนึ่งที่ทอแสงสีฟ้าประกายออกมาอย่างน่าพิศวง
พ่อครับ ผมรู้แล้ว ว่าทำไมผมถึงอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ !!
สวบ สวบ สวบ !
เสียงฝีเท้าเล็กยังคงย่ำลงไปบนพื้นด้านหน้าอย่างรวดเร็วแม้จะหลบผ่านออกมาจากเขตแดนหมู่บ้านมากกว่า 2 ไมล์แล้ว ศพของพ่อที่คงถูกทำอย่างสมเกียรติคือสิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกยินดีในเวลาเช่นนี้ ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมาเขาและพ่อเป็นเพียงมนุษย์เดินดินที่ใช้ทักษะความสามารถที่มีอยู่ขึ้นปกครองหมู่บ้านเล็ก ๆ กลางหุบเขาแห่งนี้ แต่ในเวลานี้ทุกอย่างกลับเปลื่ยนไป ตัวเขาที่ไม่อาจเรียกตัวเองกว่าเป็นมนุษย์ได้อีกเพียงเพราะมี “สิ่งประหลาด” ประทับอยู่ร่างกาย เขาไม่อาจอยู่ที่นั่นต่อไปได้ และถ้าเมื่อชาวบ้านรู้ แม้แต่ศพของพ่อเขาก็ไม่มีแม้แต่คนอยากจับต้อง แต่ตอนนี้ ...
มันจะไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีกแล้ว
“ ป้าเบตตี้ !! ”
“ ยูทา !! มาหาป้าเร็ว ”
วิ่งเข้าไปสวมกอดหญิงร่างท้วมที่อ้าแขนรอรับตนด้วยความเป็นห่วง หยดน้ำตาเม็ดเล็กหลั่งรินลงเมื่อมองเห็นหลานชายที่คงจะบอบช้ำมาจากกฎเกณฑ์ของโชคชะตามาไม่น้อย ใช้จมูกแหลมเล็กที่มีความยาวกว่าคนปรกติกดลงไปบนกลุ่มผมนุ่มลื่นของเล็กหนุ่มอย่างรักใคร่
“ กลับบ้านเรากันเถอะ น้องเทนรอหนูอยู่นะ ”
“ ครับป้า ”
พ่อครับ
ขอบคุณนะครับ …
“ยูทา จำที่ป้าพูดได้ไหมลูก ไหนลองทวนให้ป้าฟังอีกทีซิ”
หญิงร่างท้วมจมูกเชิดรั้นเอ่ยถามเด็กหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงข้ามของรถม้าด้วยสีหน้าและท่าทางที่มองดูจริงจังเสียจนเขารู้สึกประหม่า ไม่ค่อยคุ้นตากับสิ่งแหลมเล็กที่ยื่นออกมาจากใบหน้าอวบอูมของผู้เป็นป้าเพียงเพราะทุกครั้งที่หญิงกลางคนมาเยี่ยมเยือนเขากับพ่อในหมู่บ้านแห่งนั้นจะมีผ้าสีดำราคาแพงปกปิดมันไว้อยู่เสมอ แต่ถึงอย่างไรความลับเป็นสิ่งเดียวที่ไม่มีอยู่บนโลก ...
จมูกของป้ากับดวงตาของเขาก็เช่นกัน ...
“ ห้ามตกใจและเผลอแสดงท่าทางอะไรออกมาเมื่อเจอกับชาวบ้านเหล่านั้น พวกเขาเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับพวกเรา และตกอยู่ในชะตากรรมเช่นเรา เมื่อย่างกายเข้าไปในหมู่บ้านแห่งนั้นแล้ว จงหลงลืมสิ่ง “ประหลาด “ ที่เกิดภายในจิตใจและร่างกายไปจนหมดสิ้น ”
เสียงหวานเอ่ยสิ่งที่ได้รับฟังออกมาให้คนที่กำลังส่งยิ้มอ่อน ๆ มาให้เขา มือเรียวบางถูกคนเป็นป้าดึงขึ้นมากอบกุมไว้เอาไว้เบา ๆ พร้อมกับดวงตาคู่เล็กที่เสออกไปยังบานหน้าตารถม้าที่มีสายลมพัดโชยเข้ามาเป็นระยะ
“ จำมันไว้ยูทา แล้วหลานจะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้อย่างมีความสุข ”
“ คุณนายเบต วันนี้รอยยิ้มคุณก็ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ ”
“ แหมม คุณวัตสันก็ คุณก็เหมือนกันนะคะ ”
เสียงทุ้มหวานหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อคุณวัตสันชายหนุ่มผู้มีใบหูเล็กลีบผิดปรกติเอ่ยเย้าหยอกเจ้าตัวอย่างเช่นทุกวันที่ผ่านมา เป็นภาพที่มองดูคุ้นชินไม่น้อยกับหญิงสาวร่างท้วมจมูกแหลมเล็กที่เดินเฉิดฉายอยู่กลางตลาดโดยรอบตัวเธอยังคงตลบอบอวลไปด้วยคำสรรเสริญเยินยอจากชายหนุ่ม ชายแก่ รวมถึงหญิงสาวบางคนที่รับรู้ถึงความใจดีมีน้ำใจของเธอ อลิสซาเบต ธอร์เนต เจ้าของร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน ความร่ำรวยของเธอถึงมันจะไม่ได้ดูมากมายอะไร แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของเธอก็ดีกว่าชาวหลายต่อหลายคนในหมู่บ้านแห่งนี้ แต่นั่นมันกลับไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เธอยิ่งทระนงหรือคิดว่าตนเองนั้นอยู่สูงกว่าคนอื่น
พวกเขาเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับพวกเรา และตกอยู่ในชะตากรรมเช่นเรา
ความเท่าเทียมกัน คือสิ่งที่ทำให้หมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ อยู่ได้อย่างผาสุก
“คุณนายครับ วันนี้ .... ”
“ ทุกอย่างเหมือนเดิมจ้ะลุง แต่ขอเพิ่มเป็นอย่างละสอง ช่วงนี้ลูกค้าไม่รู้มาจากไหนมากมาย ของขาดเดี๋ยวจะโดนว่าเอา ”
หญิงวัยกลางคนเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับดวงตาตี่เล็กที่กวาดมองไปยังซากกวางเอลฟ์ที่นอนสงบนิ่งอยู่หน้าร้านของพ่อค้าที่มีริมฝีปากบิดเบี้ยวไปด้านขวาเล็กน้อย เด็กหนุ่มรีบย้ายตัวเองไปหลบอยู่ด้านหลังของป้าเบตเมื่อรู้สึกว่ากลิ่นเหม็นสาบของซากสัตว์ป่าที่พัดโชยอยู่เบื้องกำลังจะทำให้เขาแสดงพฤติกรรมอะไรแปลก ๆ ออกมา ดวงตากลมโตปิดลงแน่นก่อนที่ข้อมือเล็กจะรู้สึกถึงความอุ่นนุ่มจากฝ่ามืออวบอูมของคนด้านหน้า
“ ช่วยเอาไปส่งที่หน้าร้านให้ฉันด้วยนะจ๊ะลุงคอปต์ ”
“ ได้ครับคุณนาย ”
สิ้นเสียงตอบรับของชายแก่ หญิงร่างท้วมก็รีบสาวเท้าออกไปจากตรงนั้นโดยไม่ลืมที่จะดึงจูงหลานชายให้เดินตามไปด้วย เพียงไม่กี่สิบก้าวสภาพพื้นถนนที่โล่งโปร่งสบายตลอดข้างทางละลานไปด้วยร้านขายดอกไม้พันธุ์แปลกตาเริ่มให้เขากลับมาสดชื่นได้อีกครั้ง
“ ขะ ขอโทษครับป้าเบต ”
“ ไม่เป็นไรหรอกจ้ะยูทา ป้าเข้าใจ”
ส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้เด็กหนุ่มยืนก้มหน้าอยู่เบื้องหน้าอย่างนึกเอ็นดู ตั้งใจจะสาวสองขาหนักอึ้งของตนไปเบื้องหน้าอีกครั้งหากแต่เสียงของฝีเท้าเล็กอันคุ้นเคยที่ดังขึ้นทำเอาเธอต้องรีบหยุดการกระทำทั้งหมดของตนเองลงโดยเร็ว ใบหน้าอวบอูมบูดบึ้งขึ้นมาแทบจะทันที มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นมัน
“ พี่ยูทาา !! แม่ครับ นั่นพี่ยูทาใช่ไหม ! ”
“ เทน แม่บอกให้เราเฝ้าร้านไม่ใช่หรือไง !”
น้ำเสียงที่เคยนุ่มละมุนในเวลานี้มันกลับสั่นเทาขึ้นมาด้วยความโมโห เหลือบตาขึ้นมองร่างบางเล็กของเด็กหนุ่มที่ถือวิสาสะเข้ามากอดแขนของเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ด้วยความรู้สึกงงงวย ไม่มีความผิดปรกติใดตรีตราอยู่บนใบหน้านวลละเอียดของเด็กหนุ่มผู้นี้ ถ้าจะมี มันก็คงเป็นความงดงามที่มันอาจจะมากกว่ามนุษย์ทั่วไปพึงมี
แบบนี้มันก็นับเป็น ”สิ่งประหลาด” ด้วยงั้นเหรอ ?
“ พี่ยูทา ! ทำไมถึงปล่อยให้ป้าเบตตี้ของพี่เอาแต่บ่นผมอยู่แบบนี้หล่ะ ลืมน้องคนนี้ไปแล้วหรือไง ”
ใบหน้าเยาว์วัยยู่ลงอย่างน่ารักพร้อมกับวงแขนเล็กผละออกจากท่อนแขนของเขาอย่างเง้างอน ความทรงจำวัยเด็กอันแสนเลือนลางเริ่มฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง
เจ้าเด็กน้อยจอมดื้อลูกชายของป้าเบตตี้
เด็กบ้าที่ชอบร้ององแงกลับบ้านทุกครั้งที่ป้าไปเยี่ยมพ่อของเขา !
“ ป้าเบตอย่าไปว่าน้องเลยนะครับ น้องอาจจะเป็นห่วงป้าเลยออกมารอ ”
“ ผมอยากเจอพี่ยูทาต่างหาก ผมคิดถึงพี่ที่สุดเลย ”
หนุ่มน้อยยิ้มออกมาอย่างร่าเริงเรียกสายตาของคนรอบข้างให้หันมามองด้วยความสนอกสนใจ เป็นเวลานานที่ใบหน้าเรียวสวยยังคงแย้มยิ้มและหัวเราะออกมาดัง ๆ เมื่อถูกพร่ำบ่นรวมถึงการทำโทษเล็ก ๆ น้อยจากคนเป็นแม่ ราวกับดอกไม้ที่วางตลอดข้างทางถูกลักขโมยความสวยงามเพื่อมาปรนเปรอร่างกายบางเล็กนี้ ยิ่งมองดูยิ่งงดงาม รอยยิ้มที่มองเห็นมันสดใสเสียจนเขาแทบจะลืมสิ้นทุกความเศร้าโศกที่เคยมี
“ กลับบ้านไปได้แล้ว พาพี่ชายลูกกลับไปด้วย แม่จะออกไปเดินดูพันธุ์ผักหายากที่ตลาดอีกซักหน่อย”
“ ขอรับคุณนายเบตตี้ ”
“ ทะลึ่งนักนะเรา ! ยูทากลับไปพักผ่อนก่อนนะลูก ป้าให้คนเตรียมห้องไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ”
“ ขอบคุณครับป้าเบต ”
เอ่ยคำขอบคุณออกมาอย่างใจจริงก่อนที่ข้อมือเรียวจะถูกเด็กหนุ่มด้านข้างเด็กดึงรั้งเอาไว้เบา ๆ
“ กลับบ้านของเรากันเถอะครับพี่ยูทา ”
“ครับ กลับบ้านกัน ”
“คุณเทน คุณนายกลับมาหรือยังคะ ว้าาาว หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใครคะนั่น ”
“ แหมม พี่รอทส์จะเอาคำตอบไหนดีก่อนครับ ”
เอ่ยเย้าบริกรสาวเจ้าของส่วนสูงที่โผล่พ้นโต๊ะสนุ๊กมาเพียงสองเซนต์ ใบหน้าขาวซีดขึ้นสีอย่างน่ารักเรียกความตลกขบขันจากผู้คนที่ยืนมองดูอยู่รอบตัว ในเมื่อสาวเจ้าไม่ยอมเปิดปากออกมาซักทีเด็กหนุ่มก็ไม่อยากจะยอกเย้าให้หญิงสาวรู้สึกอับอายไปมากกว่านี้
“ 4.40 นาที พอลูกค้าโต๊ะนั้นลุกออก พี่ก็เริ่มเก็บร้านกันได้เลยนะครับ”
“ รับทราบค่ะคุณเทน ไม่ทราบว่าอาหารสำหรับเย็นนี้ ...”
“เดี๋ยวผมจัดการเองครับ ไปกันเถอะครับพี่ยูทา ”
แย้มยิ้มให้หญิงร่างเล็กอีกทีก่อนจะให้ไปเรียกเด็กหนุ่มอีกคนที่กำลังยืนสำรวจร้านอาหารขนาดใหญ่แห่งนี้อย่างเงียบ ๆ เฟอร์นิเจอร์ไม้คร่ำคึก พันธุ์ไม้เก่าแก่ที่ใช้ประดับตกแต่ง รวมถึงอาหารอย่างง่ายที่จัดวางอยู่ในจานกระเบื้องเคลือบ ถึงมันไม่ดูหรูหราโอ่อ่าแต่มันกลับคงไว้ซึ่งความอบอุ่นใจที่เขาคงหาไม่ได้จากหมู่บ้านแห่งนั้น
พ่อครับ .. .ผมอยากให้พวกเรามาอยู่ที่นี่ด้วยกันจัง
แกร๊กก !!
“ นี่คือห้องของพี่นะครับ แม่เตรียมของที่จำเป็นเอาไว้ให้หมดแล้ว แต่ถ้าขาดเหลืออะไรบอกผมได้ตลอดเลยนะครับ ”
เอ่ยพูดอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับลำตัวบางเล็กที่เดินนำเข้าไปให้ห้องหับขนาดกลางที่มองดูลื่นหูลื่นตาพอกันกับร้านอาหารด้านล่าง จัดวางสัมภาระที่หยิบติดมาเพียงน้อยนิดเข้าตู้ไม้สักอายุยาวนานก่อนที่เรียวขาสวยจะสาวตรงไปยังบานหน้าต่างที่ถูกปิดทับด้วยผ้าม่านกำมะหยี่สีเลือดหมู
เขาต้องการอากาศบริสุทธิ์ ถึงห้องนี้จะดีไม่หยอก แต่ดูเหมือนแทบจะไม่มีอากาศถ่ายเทเข้ามาเลยแม้แต่น้อย ...
“ พี่ยูทา ! อย่าเปิดมันนะครับ ”
รีบผละออกจากผืนผ้าเนื้อดีก่อนจะหันไปตามเสียงร้องห้ามของเด็กหนุ่มอีกคนอย่างรวดเร็ว มองตามร่างกายบอบบางที่กำลังสาวเท้าเข้ามายืนอยู่ด้านข้างลำตัวของเขา มองเห็นมือบางที่กระชับผ้าม่านผืนหนาให้ปิดแนบเข้าหากันยิ่งขึ้นไปอีก ใบหน้านวลเนียนฉายแววของความจริงจังและหวาดกลัวจนเขาไม่สามารถทัดทานความอยากรู้อยากเห็นของตนเองได้อีกต่อไป
“ เทน ...”
“ เดี๋ยวผมจะเล่าให้พี่ฟังเอง ”
หันมากระซิบกับชายหนุ่มอีกคนอย่างแผ่วเบาก่อนจะเดินไปลากเก้าอี้ไม้มานั่งอยู่ตรงข้ามกับคนที่กำลังทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างช้า ๆ
“ คืนนี้เป็นคืนแรกแห่งวันเดือนดับ ในหมู่บ้านนี้เดือนจะดับมืดสนิทเป็นเวลาสามวัน ชาวบ้านเชื่อว่าราชาภูติผีจะใช้เวลาสามคืนนี้ในการตามหาตัวเจ้าสาว ”
“ เจ้าสาว ? ”
เดี๋ยว ...
ดวงอาทิตย์ยังไม่ทันลับขอบฟ้าเจ้าเด็กนี่จะเริ่มเล่านิทานก่อนนอนให้เขาฟังแล้วงั้นเหรอ ?
“ ครับ เจ้าสาว ราชาผีตนนี้ใช้เวลาชั่วกับชั่วกัลป์ในการนั่งรถม้าตามหาเจ้าสาวของมัน แต่ไม่มีซักครั้งที่มันจะได้สมหวัง ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะชาวบ้านไหวตัวทันโดยการปิดบ้านแต่หัวค่ำจนทำให้เมืองนี้มองดูเป็นร้าง หรือไม่ ... มันก็ยังไม่เจอคนที่มันต้องการ ”
“ มันเป็นตำนานเหรอ ?”
“ ไม่ครับ มันคือเรื่องจริง กลางดึกตลอดสามคืนเดือนดับชาวบ้านมักจะได้เสียงรถม้าวิ่งอยู่บนถนนทั้ง ๆ ที่คงไม่มีใครใจกล้าเล่นพิเรนทร์แบบนั้นแน่ แล้วอีกอย่างหมู่บ้านพลัคกี้แห่งนี้เป็นทางผ่านระหว่างเมืองมนุษย์กับมอลท์แมน ฮิลส์ มันจึงแปลกที่ชาวบ้านจะเชื่อว่ามีภูตผีสัญจรไปมาในทุกคืนเดือนดับจริง ”
“ เพราะฉะนั้นทุกบ้านเลยต้องทำเหมือนไม่มีใครอาศัยอยู่ ให้เหมือนเมืองนี้เป็นเมืองร้าง”
“ ห้ามสนใจอะไร เสียงร้องขอ เสียงฟ้าร้อง รวมถึงเสียงภายในจิตใจของตนเองด้วย ”
ให้ตายเถอะ ....
“ แต่พี่ไม่ต้องกลัวไปหรอกนะครับ จนถึงตอนนี้พวกผีพวกนั้นก็ยังทำอะไรชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ไม่ได้ ”
“ งั้นเหรอ … ”
“ พี่พักผ่อนเถอะนะครับ ผมขอตัวไปช่วยด้านล่างเก็บร้านก่อน ราตรีสวัสดิ์นะครับ”
ดึงมือเรียวยาวของคนตรงหน้ามากระชับไว้เบา ๆ ก่อนพลิกตัวออกจากห้องไปทันที มองตามแผ่นกลังบางลับที่หายลับไปจากบานประตูพร้อมจิตใจที่เริ่มถูกหวาดกลัวกัดกร่อนลงไปทีละนิด
ถึงอย่างไรนี่มันไม่ใช่การ ต้องทนอยู่ แต่เขา ต้องอยู่กับมันให้ได้
ครืนนนน เปรี้ยง !!
เสียงสายฟ้ามีฟาดลงมาเป็นระยะไม่อาจจะทำให้เด็กหนุ่มทนเข้มแข็งได้อีกต่อไป ลำตัวบางเล็กใต้ผ้าห่มสั่นเทา หยดเหงื่อเม็ดเล็กแทรกซึมออกมาจากไรผมในขณะที่อุณหภูมิกลับลดต่ำลงจากความเย็นของสายฝนที่โหมกระหน่ำอยู่ตอนนี้ อยากจะเดินออกไปขอความช่วยเหลือจากน้องชาย แต่เขากลับรู้สึกถึงความเกรงใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น เทนกับป้าเบตตี้คงกำลังเหนื่อย ทั้งสองให้ความกรุณาแก่เขามามากแล้ว เรื่องแค่นี้เขาต้องผ่านมันไปให้ได้ แค่เพียงหนึ่งอึดใจ ...
อีกไม่นานมันก็เช้าแล้ว ...
ครืนนนนนน นนนนน
กับ ! กับ ! กับ !
เสียงรถม้าที่ดังปะปนกับเสียงคำรามของท้องฟ้าร่างบางรับรู้มันได้อย่างชัดเจน ความกลัวในสิ่งที่คนเป็นน้องบอกเล่ากำลังกัดกินหัวใจของเขา เสียงรถม้าดังใกล้มาเรื่อย ๆ ไม่อาจจะทำให้เด็กหนุ่มทนทานกับความหวาดกลัวได้อีกต่อ ลำตัวบางเล็กทะลึ่งพรวดขึ้นมาก่อนจะวิ่งไปยังบานหน้าต่างที่ถูกบดบังด้วยผ้าม่านสีทึบ เลื่อนมือขึ้นไปกำมันไว้แน่น พร้อมกับความคิดแปลกประหลาดที่น้อยคนนักจะคิดถึงมันได้
บิดาของเขาเคยสอนว่ามนุษย์เราล้วนหวาดกลัวในสิ่งที่ตนไม่รู้
ทั้ง ๆ ที่หนทางแก้ไข มันมีเพียงแค่การแสวงหา รับรู้ และยอมรับ
ทุกความหวาดกลัวบนโลกจะถูกทำลายลง แต่มีน้อยคนนักที่จะทำมัน
และตอนนี้เขาก็กำลังจะเป็นอีกหนึ่งคนในนั้น
พรึบบ !!
ผ้าม่านสีเลือดหมูสดถูกแหวกออกพร้อมกับดวงตากลมโตที่สอดส่องลงบนพื้นถนนเบื้องล่าง มองเห็นรถม้าโบราณที่กำลังขับอยู่บนถนนเส้นเดียวกันกับที่ตัดผ่านหน้าร้านของป้าเบต มันใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนรถม้าก็ไม่อาจจะทำให้ร่างบางตัดสินใจได้ว่ามันคือมนุษย์ ภูตผี หรือตัวอะไรกันแน่ เลื่อนสายตาไปยังตู้โดยสารที่อาจจะบางสิ่งปรากฏอยู่ในนั้น เพ่งมองอยู่นานผ่านม่านฝนที่ยังโหมกระหน่ำลงมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มองหาจังหวะที่ผ้าม่านผืนเล็กพัดปลิวไปตามแรงลม ด้านในปรากฏเงาเลือนลางของชายหนุ่มที่มีลำตัวสูงใหญ่ไม่น้อยกว่ากว่าคนเบื้องหน้า เพียงเสี้ยวหน้าที่มองเห็นกลับป่าวประกาศความงดงามออกมาอย่างที่เขายังตกตะลึง ราวกับภูติผีเป็นผู้สรรค์สร้าง โครงหน้าเรียวยาว สันจมูกโด่งคม ลำตัวที่แน่นหนาภายใต้ชุดคลุมสีดำสนิท รวมถึง ...
ดวงตาสีแดงฉาดที่กำลังเงยขึ้นมามองเขา !
พรึบบ !!!
รีบดึงผ้าม่านเข้าหาพร้อมกับลำตัวเพรียวบางที่ทรุดลงบนพื้นห้องอย่างไร้เรี่ยวแรง เสียงรถม้าเริ่มแผ่วลงแล้วหากแต่เสียงหัวใจของเขามันกลับฟังดูชัดเจนเสียจนเขารู้สึกเจ็บแน่นไปทั้งทรวงอก
พ่อครับ ถ้าผมรับรู้แล้วผมต้องยอมรับมันให้ได้ใช่ไหม ?
“ รอทส์จ้ะโต๊ะ 9 ได้อาหารหรือยังจ้ะ ”
“ พี่ดีฟส์ครับ รับออร์เดอร์โต๊ะ 3 ให้ด้วยครับ”
“ เทนเก็บเงินโต๊ะ7 ให้แม่หน่อยลูกแม่เวียนหัวจะแย่แล้ว”
“ขอรับ คุณนาย ”
“เจ้าเด็กบ้านี่ แม่จะตีแกซักวัน !”
เรียวขาสวยก้าวลงมาอย่างช้า ๆ พลางใช้สายตามองดูภาพเบื้องล่างที่อึกทึกครึกโครมไปด้วยผู้คนแห่แหนที่เดินเข้าออกร้านจนละลานตาไปหมด มองหาหนุ่มน้อยลูกชายเจ้าของร้านเพื่อถามถึงงานที่เขาจะพอช่วยเหลือได้บ้าง พลันสายตากลับสบเจอกับร่างกายสูงใหญ่คุ้นตาที่ถูกปกปิดด้วยเสื้อคลุมสีดำสีสนิท
ภาพเมื่อคืนไหลย้อนกลับเข้ามาในหัวสมองราวกับแผ่นหนังที่ถูกหยิบขึ้นมาฉายซ้ำอีกรอบ
“ พี่ยูทามายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ครับ แล้วนี่พี่ทานอะไรหรือยัง”
สะดุ้งตัวขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับดวงตากลมโตที่รีบหันมองเด็กหนุ่มที่เข้ามาทักทวงท่าทางแปลก ๆ ของเขา ปั้นแต่งรอยยิ้มบางเบาขึ้นมามอบให้คนตรงหน้าเพื่อปกปิดความผิดที่ตัวเองได้ก่อเอาไว้
“ พี่ยังไม่หิวหน่ะ ว่าแต่มีอะไรให้พี่ช่วยไหม ”
“ ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอแรงให้พี่เข้าไปช่วยในครัวหน่อยแล้วหล่ะครับ โต๊ะนั่นสั่งอาหารโคตรจะเยอะ มาแค่คนเดียวแท้ๆ ”
เสียงหวานบ่นกระปอดกระแปดพร้อมกับบุ้ยหน้าไปทางโต๊ะที่มีชายหนุ่มชุดดำนั่งอยู่ เมื่อมองเห็นคนผู้นั้นมองกลับมาทางพวกเขาเจ้าเด็กดื้อก็รีบเปลื่ยนหน้าเป็นยิ้มแย้มทันที
“ มองอยู่ได้ ข้องใจอะไรกันนักหนา !”
“ เถอะหน่า มีลูกค้าประจำมือหนักอย่างนี้ป้าเบตตี้เขาออกจะปลื้ม เราต้องบริการเขาดี ๆ นะรู้ไหม”
“ ใครว่าลูกค้าประจำหล่ะพี่ยูทา ตั้งแต่ผมเกิดมาจน 17 ปี ผมก็พึ่งเห็นหน้าหมอนี่เป็นครั้งแรกเนี่ยแหละ”
ครั้งแรก ... ?
“ปะ ผมว่าเรารีบเข้าครัวกันดีกว่า เดี๋ยวถ้าลูกค้าเยอะกว่านี้จะแย่เอา”
ร้องบอกคนเป็นพี่ก่อนจะสาวเรียวเท้าไปด้านหน้าอย่างกระฉับกระเฉ แต่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น เสียงสายฟ้าที่ฟาดเปรี้ยงลงมาหน้าร้านทำเอาคนตัวเล็กต้องรีบเปลื่ยนทิศทางของฝีเท้าของตัวทันที เทนรีบวิ่งไปยังหน้าร้านโดยไม่ลืมดึงมือใครบางคนให้ตามไปด้วย
พายุหมุนขนาดย่อมที่พัดปลิวอยู่เบื้องหน้าราวกับกับเป็นการชี้เป้าอะไรบางอย่างเรียกความสนใจจากผู้พบเห็นจนมีเสียงคาดเดาต่าง ๆ ดังออกมา
“ นี่มันอะไรกันเนี่ย ? ”
“ เจ้าสาวของราชาภูตผีอยู่ที่นี่สินะ ?”
“ หุบปากไปนะ ไอ้บ้านี่ !”
“ ฉันชื่อจอห์นนี่ ”
“ ฉันไม่ได้ถาม ! ถ้าขืนนายพูดอะไรพล่อย ๆ ออกมาอีก นายได้โดนฉันต่อยปากแน่ !”
หันไปยื่นกำปั้นเล็ก ๆ ใส่หน้าคนที่กำลังแย้มเล็ก ๆ รอยยิ้มมาให้เขา ด้วยขนาดตัวที่ชัดเจนเสียจนคนมองดูยังรู้สึกขำไม่อาจจะทำให้คนสูงกว่ารู้สึกหวาดกลัวกับอะไรที่อยู่ในร่างกายเด็กหนุ่มผู้นี้ได้เลย ดวงตาเรียวยาวเพ่งมองออกไปยังภาพเบื้องหน้าอีกครั้งพร้อมกับริมฝีปากหยักหนาที่ขยับขึ้นลงเหมือนกำลังจะพร่ำพูดอะไรบางอย่างออกมา
“การปฏิเสธคำขอของราชานำมาซึ่งหายนะ ฉันเชื่อว่าเจ้าสาวของราชาคงรู้ตัวดี และพร้อมจะทำในสิ่งที่ตนพึงกระทำ ”
“ นี่นายบ้าหรือไง ! ”
“ คืนวันนี้ใต้ต้นเอลพ์ต้นที่เจ็ดปากทางเข้าเมืองมอลท์แมน ฮิลส์ หวังว่าเจ้าสาวของราชาคงยินดีกับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้นะ ... ”
“ ………….. ”
“ ลาก่อน ”
กดเสียงลงต่ำพร้อมกับดวงตาคู่สวยที่ตั้งใจจดจ้องไปที่เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหลังคนที่กำลังยกกำปั้นขึ้นมาตรงหน้าเขาอีกครั้ง สาวเท้ายาวภายใต้ชุดคลุมสีดำทมึนขึ้นไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับรถม้าโบราณที่จอดอยู่อีกฝั่งของถนน ท่ามกลางสายตาของชาวบ้านมากมาย ผ้าม่านที่ถูกพัดพาไปตามแรงลมยามรถม้าเคลื่อนตัวเผยให้เห็นชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ในนั้น ....
เจ้าของใบหน้าแสนงดงาม
ที่เขายังคงจำขึ้นใจ ...
“ พี่ยูทา ทานข้าว ทานยาแล้วก็พักผ่อนซะนะครับ ”
“ ขอบใจมากนะเทน ”
เอ่ยบอกคนตัวเล็กที่จัดแจงหาข้าวหาน้ำมาพยาบาลเมื่อเขาเผลอพลั้งปากบอกไปว่ารู้สึกไม่ค่อยสู้ดีนัก ถึงจะมองดูเป็นคนเห็นแก่ตัวไปหน่อยแต่ปัญหานี้เขาคงแก้มันไม่ได้แน่ถ้าไม่หลบมานอนคิดให้ที่เงียบ ๆ คนเดียว
ด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มีเขาค่อนข้างแน่ใจทีเดียวว่า “เจ้าสาว” ที่ชายหนุ่มผู้นั้นพูดถึงจะเป็นตน
“ ผมขอตัวลงไปเก็บร้านก่อนนะครับ ถ้าพี่มีอะไรลงไปเรียกผมได้ตลอดเลยนะ “
“ ดะ เดี๋ยวเทน พี่ขอถามอะไรหน่อยสิ”
เอ่ยรั้งเด็กหนุ่มที่กำลังจะสาวเท้าออกไปด้านนอกด้วยน้ำเสียงที่ปรับให้ฟังดูปรกติที่สุด ใบหน้าเรียวสวยฉายแววฉงนออกมาแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวเดิม
“ มีอะไรเหรอครับ ?”
“ เรื่องเจ้าสาว ...”
“ พี่อย่าเอาเรื่องไร้สาระที่หมอนั่นพูดมาคิดเลยนะครับ ดูหน้าก็รู้แล้วว่าผู้ชายคนนั้นมันอาจจะเป็นนักต้มตุ๋นหรือไม่ก็พวกที่ชอบสร้างสถานการณ์ไปวัน ๆ ”
รีบตัดบทพี่ชายของตนด้วยน้ำเสียงที่ติดอารมณ์โมโหเล็กน้อย เพราะเจ้าบ้านั่นคนเดียวลูกค้าถึงแห่กันกลับบ้านโดยไม่แม้จะเหลียวกลับมามองร้านเขาซักตา เอาเถอะ ! เดือนนี้กำไรร้านเขาหายไปเท่าไหร่แม่จะเรียกคืนสิบเท่าเลยคอยดู !
“ แต่พี่ว่า ... ”
“ แล้วอีกอย่างเจ้าราชานั่นจะรู้ว่าใครเป็นเจ้าสาวของมันก็ต่อเมื่อมันได้ยลโฉมเธอผู้นั้นแล้ว ซึ่งข้อนี้ชาวบ้านก็หลีกเลี่ยงมันมาโดยตลอด พักผ่อนเถอะนะครับพี่ยูทา เดี๋ยวดึก ๆ ผมจะต้มซุปมาให้ ”
“ อืม ขอบใจนะ ”
ขอบใจนะเทนสำหรับทุกอย่างที่ทำให้พี่
ขอบคุณนะครับป้าเบตตี้
ผมดีใจที่เกิดมาเป็นหลานป้านะครับ
ลาก่อนทุกคน หวังว่าเราคงได้เจอกันอีก
ครืนนนนนนน
เสียงคำรามจากเบื้องบนเหมือนการเร่งเร้าให้เขาออกจากที่แห่งโดยเร็ว รีบวางแผ่นกระดาษที่ถือค้างอยู่ในมือบนลงเตียงนอนก่อนจะสาวเท้าไปยังบานหน้าต่างที่เปิดออกกว้างจนเขาสามารถลอดออกไปได้ ถือว่าเป็นโชคดีที่ชั้นสองของบ้านไม่ได้สูงมากหนักร่างบางจึงมีเพียงแผลถลอกน้อยนิดเท่านั้นเมื่อตกลงมา เหลือบตาขึ้นมองร้านอาหารไม้เก่าที่มีน้องชายกับป้าเบตตี้ที่เขารักอยู่ภายใน
เขาไม่อยากจากพวกนั้นไป
แต่มันกลับไม่มีอะไรให้เขาเลือกเลยซักทาง ...
ขาเรียวสาวไปด้านหน้าด้วยความจำยอมพร้อมกับดวงตากลมโตที่เผลอสบเจอป้ายบอกทางที่แขวนอยู่เบื้องหน้า
เลี้ยวซ้ายไปทางทิศตะวันออก 3 ไมล์ มอลท์แมน ฮิลส์
นี่มันน่าจะ 3 ไมล์ได้แล้ว ...
หยุดเรียวเท้าของตัวลงพร้อมกับฝ่ามือเล็กที่ยกขึ้นเช็ดเม็ดเหงื่อที่ร่วงรินลงมาจากหน้าผากมน ยกคบเพลิงที่แอบจุดตอนออกมาจากทางออกมาหมู่บ้านขึ้นส่งดูเบื้องหน้าที่มืดมิดราวกับก้นของทะเลลึก ไม่มีเสียง สัมผัส หรือสิ่งใดบอกว่าเขาได้เดินทางมาถึงที่หมายแล้ว
กับ ! กับ ! กับ !
หันลำตัวไปทางเสียงของรถม้าที่เหมือนกำลังวิ่งมาทางเขา สอดส่องดวงตาเข้าไปในเงามืดก่อนจะพบเจอกับรถม้าโบราณเช่นเดียวกับที่พบเจอเมื่อช่วงเช้า คนขับยังคงสูงสง่าและน่าเกรงขรามเช่นเดิม เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยู่ภายใน ….
“ เชิญ ท่านหญิง”
เสียงทุ้มหนักที่เหมือนเขาจะเคยได้ยินมาจากที่ไหนซักแห่งเรียกร่างบางให้ลุกตื่นขึ้นมาจากภวังค์ ไร้ซึ่งความกลัวเกรงใด ๆ เรียวเท้าสวยก้าวขึ้นไปในตู้โดยสารที่ถูกเปิดรอไว้ก่อนแล้ว ภาพของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่นั่งนิ่งอยู่ด้านในกลับทำให้ร่างบางรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เพียงแค่เสี้ยวหน้าที่โผล่พ้นออกมา
กลับเกิดความลุ่มหลงสะท้อนขึ้นมาภายในจิตใจอย่างยากจะหักห้าม
“ เหตุใดเจ้าถึงทำตัวห่างเหินกับข้าเช่นนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นสินะ นี่มันก็หลายกัปล์หลายกัลป์แล้วที่เจ้าจากข้าไป หวังว่าเราสองคนคงไม่ต้องรื้อฟื้นเรื่องราวทั้งหมดกันใหม่หรอกนะ ”
ผละใบหน้าออกจากหน้าต่างรถม้าก่อนจะหันไปมองเด็กหนุ่มที่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเต็มตา จดจ้องดวงตาสีแดงก่ำไปยังดวงตาสีสว่างของเขาตรงหน้าราวกับกำลังเชื่อมโยงบางสิ่งบางอย่างเข้าด้วย เพียงไม่นานใบหน้าที่เคยเเดงก่ำด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางยามค่ำคืนกลับขาวซีดขึ้นมาอย่างน่ากลัว ดวงตาสีฟ้าประกายเริ่มแปรเปลื่ยนเป็นสีแดงเพลิงราวกับหยาดโลหิตของนกกา จมูกเชิดรั้นชี้พุ่งออกมาเช่นเดียวกับแม่มด คมเขี้ยวโผล่พ้นออกมาจากริมฝีปากบางอย่างที่พร้อมกับกัดฉีกศัตรูผู้เคราะห์ได้ทุกเมื่อ ทุกสิ่งอย่างที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเรียกรอยยิ้มยินดีให้ผุดขึ้นมาบนใบหน้างดงามของชายหนุ่มอีกคนอย่างไม่มีใครสามารถหักห้ามมันไว้ได้
“ ฮันโซล ชีวิตของข้า .... ”
“ มาหาข้ายูตะ ... ”
ยื่นมือเรียวระหงส์ออกไปรอรับฝ่ามือขาวซีดที่ค่อย ๆ วางทับลงบนมือของเขาอย่างเชื่องช้า ดึงรั้งลำตัวผอมบางให้ทาบทับลงบนลำตัวของตนพร้อมกับริมฝีปากหยักหนาที่จู่โจมไปยังริมฝีปากเบื้องหน้าอย่างโหยหา เนิ่นนาน รุกเร้า และรุนแรงให้เพียงพอกับเวลาทั้งหมดที่สูญสิ้นไป นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้รับความเจ็บปวดที่แสนทรมานเช่นนี้
“ อยู่กับข้า .... ”
ผละใบหน้าขาวซีดออกมาจากซอกคอหอมกรุ่นก่อนจดจ้องดวงตาไปยังใบหน้าขาวซีดของสิ่งอันเป็นที่รัก ไร้สัญญาใดตอบกลับมา ใบหน้าขาวซีดยังงุ่นง่านอยู่กับริมฝีปากของเขาราวกับหิวกระหายมันไม่อาจควบคุมจิตใจของตนเอาไว้ได้อีกต่อไป
“ จากตอนนี้ ... ”
“ ……….. ”
“ ไปจนตลอดกาล .. ”
END
ผลงานอื่นๆ ของ witches0704 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ witches0704
ความคิดเห็น